วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โทร.สายด่วน 1460 / E- mail : wmsc.1460@gmail.com / http://wmsc.rid.go.th/

-----------------------------------------------------------------------------

กรมชลประทาน เร่งแก้ไขปัญหาน้ำภาคตะวันออก ตามมติ กรอ.

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ได้มีมติให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เร่งรัดแก้ไขปัญหาน้ำภาคตะวันออกโดยเร็ว เนื่องจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ โดยให้กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ ดังนี้

จังหวัดระยอง กรมชลประทาน มีแผนดำเนินการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ ไปลงอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด(มหาชน) หรือ East – Water เข้ามาร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูบน้ำ ซึ่งมีแผนการสูบน้ำตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 ถึงเดือนกันยายน 2558 รวมปริมาณน้ำทั้งสิ้นประมาณ 84 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงแรกระหว่างเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2557 ปริมาณน้ำที่สูบประมาณ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร และช่วงที่สอง ระหว่างเดือนมกราคม – กันยายน 2558 ปริมาณน้ำประมาณ 54 ล้านลูกบาศก์เมตร ผลการสูบผันน้ำ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. – 28 ก.ย. 57 ได้ปริมาณน้ำประมาณ 9.22 ล้านลูกบาศก์เมตร และยังคงมีการสูบผันน้ำอย่างต่อเนื่องตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้งานไปจนถึงสิ้นฤดูแล้ง(30 เม.ย. 58)

จังหวัดชลบุรี มีปริมาณน้ำต้นทุนน้อยเช่นเดียวกับจังหวัดระยอง แต่เนื่องจากการสูบผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงไปลงอ่างเก็บน้ำบางพระ มีข้อจำกัดเรื่องระดับน้ำต่ำกว่าปกติ จึงไม่สามารถสำรองน้ำได้ตามแผน ประกอบกับในช่วงเดือนพฤษจิกายน 2557 นี้ ความเค็มในแม่น้ำบางปะกงจะสูงขึ้น ทำให้ไม่สามารถสูบน้ำมาสำรองได้อีก จึงมีความจำเป็นต้องใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง ที่คาดว่าจะมีปริมาณน้ำเต็มอ่างฯ มาช่วยเสริมเป็นแหล่งน้ำต้นทุนหลัก นอกจากนี้ จะได้เร่งดำเนินการก่อสร้างรางคอนกรีตตามแนวคลองน้ำแดง ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ที่เป็นคลองเชื่อมระหว่างอ่างเก็บน้ำประแสร์และอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ โดยดำเนินการก่อสร้างควบคู่ไปกับการผันน้ำ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษยน 2558 นี้

นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังมีแผนเพิ่มศักยภาพความจุอ่างเก็บน้ำในจังหวัดระยอง และระบบสูบผันน้ำในจังหวัดชลบุรี ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2558 คือ การเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำประแสร์ มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีก 47 ล้านลูกบาศก์เมตร, การเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำดอกกราย มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีก 10.6 ล้านลูกบาศก์เมตร , การศึกษาความเหมาะสมในการเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล , การก่อสร้างสถานีสูบน้ำคลองชลประทานพานทองเชื่อมต่อระบบท่อผันน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต- อ่างเก็บน้ำบางพระ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบสูบน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต- อ่างเก็บน้ำบางพระ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจ-ออกแบบ

**************************************

30 กันยายน 2557

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โทร.สายด่วน 1460 / E- mail : wmsc.1460@gmail.com / http://wmsc.rid.go.th/

-----------------------------------------------------------------------------

ระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำแม่ถาง จ.แพร่ เสร็จแล้ว พร้อมส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรได้อย่างเต็มศักยภาพ

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่ถาง จ.แพร่ เสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯกว่า 20,000 ไร่

สำหรับอ่างเก็บน้ำแม่ถาง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในพื้นที่ต.บ้านเวียง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ กรมชลประทาน ได้ดำเนินก่อสร้างขึ้นตามความต้องการของราษฎรในพื้นที่ ที่ต้องการให้มีการสร้างแหล่งน้ำไว้ใช้ เนื่องจากประสบกับปัญหาภัยแล้งและน้ำไม่พอใช้ทำการเกษตร มีลักษณะของอ่างเก็บน้ำ เป็นเขื่อนดิน ยาว 220 เมตร ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อปี 2538 สามารถเก็บกักน้ำได้สูงสุด 30.62 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่การเกษตรด้านท้ายอ่างฯได้รับประโยชน์ ในช่วงฤดูฝนประมาณ 20,000 ไร่ และในช่วงฤดูแล้งประมาณ 8,500 ไร่

ปัจจุบันกรมชลประทาน ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบคลองส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่ถาง ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในช่วงฤดูฝนปีนี้ สามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่การเกษตรในเขตชลประทานแพร่ได้ประมาณ 14,000 ไร่ ส่วนในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงอีกในไม่ช้านี้ คาดว่าจะสามารถส่งน้ำเพื่อสนับสนุนพื้นที่การเกษตรด้านท้ายอ่างฯได้อย่างเต็มศักยภาพเช่นกัน

**********************************

25 กันยายน 2557

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โทร.สายด่วน 1460 / E- mail : wmsc.1460@gmail.com / http://wmsc.rid.go.th/

-----------------------------------------------------------------------------

สถานการณ์น้ำเมืองชลบุรี : ผันน้ำจากบางปะกงลงอ่างฯบางพระ เพิ่มน้ำสำรองไว้ใช้ในหน้าแล้งนี้

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้จะเป็นช่วงฤดูฝน แต่กลับพบว่าปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่ในช่วงต้นฤดูมาจนถึงเดือนกันยายน มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยประมาณร้อยละ 30 ซึ่งส่งผลให้มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีน้อยลงตามไปด้วย และมีแนวโน้มว่าจะเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งได้ หากไม่มีมาตรการในการแก้ไข

จังหวัดชลบุรี มีแหล่งน้ำต้นทุนประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำบางพระ อ่างเก็บน้ำหนองค้อ อ่างเก็บน้ำมาบประชัน อ่างเก็บน้ำซากนอก อ่างเก็บน้ำหนองกลางดง อ่างเก็บน้ำห้วยสะพาน และอ่างเก็บน้ำห้วยขุนจิต ปัจจุบัน(19 ก.ย. 57) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 55 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด มีปริมาณน้ำที่สามารถนำมาใช้การได้ประมาณ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร

คาดการณ์ว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนปีนี้ ในกรณีที่เกิดฝนตกในเกณฑ์ปกติ จะมีน้ำต้นทุนรวมกันประมาณ 90 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ แต่หากมีฝนตกน้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ยปกติตลอดฤดูฝน อาจจะเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำได้ในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง

ดังนั้น กรมชลประทาน โดยโครงการชลประทานชลบุรี จึงได้วางมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ด้วยการผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงไปลงอ่างเก็บน้ำบางพระ ตลอดในช่วงฤดูฝนคิดเป็นปริมาณน้ำประมาณ 17 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณน้ำที่เพียงพอใช้ ตลอดในช่วงฤดูแล้งที่จะถึงนี้ อย่างไม่ขาดแคลน

สำหรับแผนระยะยาว ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของจังหวัดชลบุรี กรมชลประทาน ได้วางมาตรการไว้ ดังนี้ โครงการก่อสร้างระบบท่อผันน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต - อ่างเก็บน้ำบางพระ คาดว่าจะเริ่มสูบน้ำได้ประมาณเดือนธันวาคม 2557 , โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำคลองชลประทานพานทองเชื่อมต่อระหว่างระบบท่อผันน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระ เพิ่มปริมาณน้ำได้ 70 ล้าน ลบ.ม. อยู่ในระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม หากโครงการต่างๆที่กล่าวมา ดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถรองรับการใช้น้ำที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จากการขยายตัวทั้งภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม ในเขตจังหวัดชลบุรี ในระยะยาวได้เป็นอย่างดี

**************************************

19 กันยายน 2557

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โทร.สายด่วน 1460 / E- mail : wmsc.1460@gmail.com / http://wmsc.rid.go.th/

-----------------------------------------------------------------------------

สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา : เขื่อนใหญ่ภาคเหนือ พร้อมรับน้ำจากอิทธิพลของพายุ “คัลแมกี”

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุด(17 ก.ย. 57) ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 5,109 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 38 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,309 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 5,171 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 54 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 2,321 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 569 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 526 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 592 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 62 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 589 ล้านลูกบาศก์เมตร ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 13,400 ล้านลูกบาศก์เมตร

สภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา(17 ก.ย.) สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 845 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(รับน้ำได้สูงสุด 3,590 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 5.59 เมตร สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 702 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(รับน้ำได้สูงสุด 2,840 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อน ยังต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 6.30 เมตร และที่อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,285 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ประมาณ 2.52เมตร (ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านอ.บางไทร เป็นจุดวัดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านเข้าสู่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มีความสามารถรับน้ำได้สูงสุด 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์ปกติ และมีแนวโน้มลดลง

สถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น แต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย และยังคงมีพื้นที่รองรับน้ำได้มากพอสมควร หากได้รับอิทธิพลจากพายุ “คัลแมกี” ที่อาจจะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ทางตอนบนได้ในระยะนี้ ซึ่งจะเป็นผลดีในการเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

**************************************************

17 กันยายน 2557

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โทร.สายด่วน 1460 / E- mail : wmsc.1460@gmail.com / http://wmsc.rid.go.th/

-----------------------------------------------------------------------------

เขื่อนใหญ่หลายแห่งน้ำยังน้อย ย้ำปฏิบัติตามแผนจัดสรรน้ำและปลูกพืชอย่างเคร่งครัด ลดเสี่ยงขาดน้ำ

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด(15 ก.ย. 57) มีปริมาณน้ำรวมกัน จำนวน 40,641 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 58 ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด ยังสามารถรองรับน้ำในฤดูฝนนี้ รวมกันได้มากกว่า 29,600 ล้านลูกบาศก์เมตร

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในพื้นที่ภาคเหนือ อาทิ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 161 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯ เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำ 27 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของความจุอ่างฯ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 5,082 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 38 ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 5,121 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 54 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 552 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุอ่างฯ เขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ ยังสามาถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 13,500 ล้านลูกบาศก์เมตร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี มีปริมาณน้ำ 68 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯ เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีปริมาณน้ำ 431 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 83 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีปริมาณน้ำ 1,202 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 152 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุอ่างฯ เขื่อนมูลบน จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 72 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 51 ของความจุอ่างฯ เขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 3,300 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับในพื้นที่ภาคกลางและตะวันออก ที่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 585 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯ เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี มีปริมาณน้ำ 118 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างฯ เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำ 174 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯ เขื่อนบางพระ จ.ชลบุรี มีปริมาณน้ำ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 26 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนประแสร์ จ.ระยอง มีปริมาณน้ำ 186 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 1,100 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าเขื่อนใหญ่บางแห่งจะมีน้ำเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย โดยฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา จึงขอให้เกษตรกรในพื้นที่ท้ายเขื่อน ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ของตนอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งปฏิบัติตามแผนการใช้น้ำและการปลูกพืชตามที่ทางโครงการชลประทานในพื้นที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ไม่ขาดแคลน

15 กันยายน 2557

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โทร.สายด่วน 1460 / E- mail : wmsc.1460@gmail.com / http://wmsc.rid.go.th/

-----------------------------------------------------------------------------

สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา : ภาคเหนือใกล้หมดฝนแล้ว น้ำในเขื่อนยังค่อนข้างน้อย เน้นเก็บให้มากที่สุด

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุด(12 ก.ย. 57) ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 5,029 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 37 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,229 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 5,049 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 53 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 2,199 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 531 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 488 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 555 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 58 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 552 ล้านลูกบาศก์เมตร ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 13,700 ล้านลูกบาศก์เมตร

สภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา(12 ก.ย.) สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,105 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(รับน้ำได้สูงสุด 3,590 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 4.82 เมตร สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 997 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(รับน้ำได้สูงสุด 2,840 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อน ยังต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 5.08 เมตร และที่อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,301 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ประมาณ 2.28เมตร (ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านอ.บางไทร เป็นจุดวัดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านเข้าสู่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มีความสามารถรับน้ำได้สูงสุด 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์ปกติ และมีแนวโน้มลดลง

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าสถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา นั้น ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น แต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย ในขณะที่ฤดูฝนทางภาคเหนือเหลือระยะเวลาอีกไม่มากแล้ว จึงต้องเน้นเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต จึงขอให้เกษตกรเน้นการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ของตนให้เกิดประโยชน์มากที่สุด พร้อมขอให้ร่วมมือกันใช้น้ำอย่างประหยัด

**************************************************

12 กันยายน 2557

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ข่าวสถานการณ์น้ำชลประทาน

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โทร.สายด่วน 1460 / E- mail : wmsc.1460@gmail.com / http://wmsc.rid.go.th/

-----------------------------------------------------------------------------

สถานการณ์น้ำเขื่อนใหญ่ : ย้ำต้องประหยัด น้ำในเขื่อนหลายแห่งยังมีน้อย

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด(10 ก.ย. 57) มีปริมาณน้ำรวมกัน จำนวน 39,917 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด ยังสามารถรองรับน้ำในฤดูฝนนี้ รวมกันได้มากกว่า 30,000 ล้านลูกบาศก์เมตร

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในพื้นที่ภาคเหนือ อาทิ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 48 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 18 ของความจุอ่างฯ เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำ 36 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 34 ของความจุอ่างฯ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 4,981 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 37 ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 4,981 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 52 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 511 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 54 ของความจุอ่างฯ เขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ ยังสามาถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 13,800 ล้านลูกบาศก์เมตร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี มีปริมาณน้ำ 67 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯ เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีปริมาณน้ำ 437 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 84 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีปริมาณน้ำ 1,194 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯ เขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 3,300 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับในพื้นที่ภาคกลางและตะวันออก ที่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 507 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 53 ของความจุอ่างฯ เขื่อนทับเสลา จ.อุทัยธานี มีปริมาณน้ำ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของความจุอ่างฯ เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำ 164 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 73 ของความจุอ่างฯ เขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา มีปริมาณน้ำ 122 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนหนองปลาไหล จ.ระยอง มีปริมาณน้ำ 64 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 1,300 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าฤดูฝนปีนี้เหลือเวลาอีกไม่นาน แต่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ยังคงมีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย จึงขอให้เกษตรกรในพื้นที่ท้ายเขื่อน เน้นการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติให้มากที่สุด และช่วยกันประหยัดน้ำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อย่างเพียงพอไม่ขาดแคลน

10 กันยายน 2557